บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์

วิลเลียม เฮนรี เกตส์ ที่สาม (เกิด 28 ตุลาคม ค.ศ. 1955) หรือที่มักเป็นที่รู้จักในชื่อ บิลล์ เกตส์
เป็นนักธุรกิจชาวอเมริกัน และหนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ เขากับผู้บุกเบิกด้านคอมพิวเตอร์
ส่วนบุคคลคนอื่น ๆ ได้ร่วมกันเขียนต้นแบบของภาษาอัลแตร์เบสิก ซึ่งเป็นอินเตอร์เพรเตอร์สำหรับ
เครื่องอัลแตร์ 8800 (เค่รื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในยุคแรกๆ) เขาได้ร่วมกับ นายพอล อัลเลน
ก่อตั้งไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชันขึ้น ซึ่งในขณะนี้เขาดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริหาร 
และหัวหน้าสถาปนิกซอฟต์แวร์ นิตยสารฟอบส์ได้จัดอันดับให้ บิลล์ เกตส์ เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุด
ในโลกหลายปีติดต่อกัน!
วิลเลียม เฮนรี เกตส์ ที่สามได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการอัศวินแห่งจักรวรรดิบริเตน (KBE)จากสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2
 
 
ประวัติ
 
บิลล์ เกตส์ เกิดที่เมืองซีแอทเทิล มลรัฐวอชิงตัน เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 1955 บิดาชื่อนายวิลเลียม เอ็ช เกตส์ จูเนียร์ 
มีอาชีพนักกฎหมายของบริษัท มารดาชื่อแมรี แมกซ์เวล เกตส์ เป็นสมาชิกคณะกรรมการของ Berkshire Hathaway,
First Interstate Bank, Pacific Northwest Bell และคณะกรรมการแห่งชาติของ United Way ชื่อเต็มของเขาคือ
วิลเลียม เฮนรี เกตส์ ที่สาม ปู่ของเขาคือ วิลเลียม เฮนรี เกตส์ ซีเนียร์
 
บิลล์ เกตส์เข้าศึกษาที่โรงเรียนเลคไซด์ อันเป็นโรงเรียนมัธยมที่ดีที่สุดในเมืองซีแอทเทิล ที่นั่นเองที่เขาได้พัฒนาทักษะ
ในการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์กับเครื่องมินิคอมพิวเตอร์ของโรงเรียน เพื่อให้ได้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพ
ดีกว่าเดิม บิลล์ เกตส์ กับ พอล อัลเลน เพื่อนสนิท ได้แอบย่องเข้าไปในห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน
ทั้งคู่ถูกจับได้แต่ก็ได้เจรจาตกลงกับเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการ เพื่อช่วยจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์ให้กับนักเรียนได้ใช้ฟรี ต่อมา
บิลล์ เกตส์ได้เข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แต่ต้องพักการเรียนไปโดยไม่จบการศึกษา เพื่อที่จะได้เริ่มประกอบอาชีพ
ทางด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ ในระหว่างที่กำลังศึกษาอยู่ที่ฮาร์วาร์ด เขามีโอกาสได้ทำความรู้จักกับสตีฟ บาลเมอร์ หนึ่ง
ในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ ทั้งคู่เป็นเพื่อนร่วมห้องในหอพักระหว่างที่เป็นนักศึกษาปี 1
 
ขณะที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่ที่ฮาร์วาร์ด เขาได้ร่วมกับ พอล อัลเลน เขียนต้นแบบ ภาษาอัลแตร์เบสิก ซึ่งเป็น,
โปรแกรมอินเตอร์เพรเตอร์สำหรับเครื่องอัลแตร์ 8800 (เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลรุ่นแรกที่ประสบ
ความสำเร็จทางการค้าในกลางคริสตทศวรรษที่ 70) ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาษาเบสิก ซึ่งเป็น
ภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เรียนรู้ได้ง่าย ถูกพัฒนาขึ้นครั้งแรกโดยดาร์ทเมาท์คอลเลจ เพื่อใช้ในการเรียนการสอน
 
เกตส์สมรสกับ เมลินดา เฟร้นช์ เมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1994 ทั้งคู่มีบุตรด้วยกันสามคน เจนนิเฟอร์ แคทารีน เกตส์ 
(เกิดเมื่อวันที่ 26 เมษายน ค.ศ. 1996) โรรี จอห์น เกตส์ (เกิดเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ค.ศ. 1999) และ ฟีบี อาเดล เกตส์ 
(เกิดเมื่อวันที่ 14 กันยายน ค.ศ. 2002)
 
ในปี ค.ศ. 1994 บิลล์ เกตส์ได้ม้วนกระดาษไลเชสเตอร์ ซึ่งรวบรวมงานเขียนของเลโอนาร์โด ดา วินชีมาไว้ในครอบครอง. 
และในปี ค.ศ. 2003 ได้นำม้วนกระดาษนี้ออกแสดงที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งเมืองซีแอทเทิล
 
ในปี ค.ศ. 1997 เกตส์ได้ตกเป็นเหยื่อของแผนการขู่กรรโชกทรัพย์อันแปลกประหลาด ของนายอดัม ควินน์ เพลตเชอร์ 
ชาวเมืองชิคาโก ซึ่งเกตส์ก็ได้ขึ้นให้การต่อศาลในการพิจารณาคดีดังกล่าว เพลตเชอร์ถูกตัดสินลงโทษเมื่อเดือนกรกฎาคม
ค.ศ. 1998 และถูกจำคุกเป็นเวลา 6 ปี ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1998 เกตส์ถูกนายโนเอล โกดังจู่โจมด้วยการ
ปาขนมพายหน้าครีมใส่ ระหว่างการไปปรากฏตัวที่ประเทศเบลเยียม
เกียรติประวัติ
 
– ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จาก มหาวิทยาลัยวาเซดะ ค.ศ. 2005 
– รางวัลเกียรติยศผู้บัญชาการอัศวินแห่งจักรวรรดิบริเตน จากสหราชอาณาจักร ตามประกาศเมื่อปี ค.ศ. 2005 [1] 
– ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากสถาบันเทคโนโลยีหลวง (Roytal Institute of Technology) – กรุงสต็อกโฮล์ม 
ประเทศสวีเดน ค.ศ. 2002 
– ติดหนึ่งใน 100 อันดับบุคคลสำคัญผู้มีอิทธิพลต่อประชาชนในสื่อต่าง ๆ จากการจัดอันดับของ หนังสือพิมพ์ เดอะ การ์เดียน ค.ศ. 2001
– ติดอันดับบุคคลผู้มีอำนาจ, นิตยสารซันเดย์ ไทม ค.ศ. 1999 
– อันดับ 2 ในการจัดอันดับ 100 ดาวรุ่ง, นิตยสารอัพไซด์ ค.ศ. 1999 
– อันดับ 1 ในการจัดอันดับ 50 ดาวรุ่งในโลกไซเบอร์, นิตยสารไทม ค.ศ. 1998 
– อันดับที่ 28 ใน 100 อันดับบุคคลสำคัญผู้มีอิทธิพลในวงการกีฬา, นิตยสารสปอร์ตติง นิวส์ ค.ศ. 1997 
– ผู้บริหารระดับสูงแห่งปี, นิตยสารชีฟ เอกเซกคูทีฟ ออฟฟิซเซอร์ ค.ศ. 1994  
– นักกีฏวิทยา ได้ตั้งชื่อแมลงวันตอมดอกไม้พันธุ์หนึ่งว่า Eristalis gatesi ตามชื่อของบิลล์ เกตส์ เพื่อเป็นเกียรติแก่เขา 
 
 
ประมาณการทรัพย์สินของเกตส์
 
บิลล์ เกตส์ ติดอันดับหนึ่ง จากการจัดอันดับ “ฟอร์บ 400” ระหว่างปี ค.ศ. 1993-2005 และติดอันดับหนึ่งในการจัดอันดับ-
มหาเศรษฐีโลกของนิตยสารฟอร์บ ในปี ค.ศ. 1996 และระหว่างปี ค.ศ. 1998-2005 ซึ่งจากการจัดอันดับดังกล่าว สรุปได้ว่า
ทรัพย์สินสุทธิของเขามีมูลค่าดังต่อไปนี้:
– ค.ศ. 1996 – 18.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 1 ของโลก !
– ค.ศ. 1997 – 36.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 2 ของโลก 
– ค.ศ. 1998 – 51.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 1 ของโลก 
– ค.ศ. 1999 – 90.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 1 ของโลก 
– ค.ศ. 2000 – 60.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 1 ของโลก 
– ค.ศ. 2001 – 58.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 1 ของโลก 
– ค.ศ. 2002 – 52.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 1 ของโลก .
– ค.ศ. 2003 – 40.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 1 ของโลก 
– ค.ศ. 2004 – 46.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 1 ของโลก 
– ค.ศ. 2005 – 46.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 1 ของโลก 
– ค.ศ. 2006 – 46.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 1 ของโลก 
 
การที่ทรัพย์สินสุทธิของเกตส์ มีมูลค่าลดลงตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 เป็นต้นมา 
มีสาเหตุมาจากการที่หุ้นของไมโครซอฟท์มีราคาลดลง รวมถึงการที่เขาได้บริจาค
เงินหลายพันล้านดอลลาร์ให้องค์กรการกุศลของเขา และแม้เขาจะมีรายได้ลดลง 
ตามรายงานของนิตยสารฟอร์บในปีค.ศ. 2004 เกตส์ยังได้บริจาคเงินรวมกว่า 28,000 
ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับองค์กรการกุศลในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
 
เขาได้กลายเป็นบุคคลที่มั่งคั่งที่สุดในโลกไปเสียแล้ว แม้จะนับเอาประมุขของรัฐ 
(ผู้ซึ่งทรัพย์สินมาจากสถานะทางสังคม) ไว้ในการจัดอันดับด้วยก็ตาม 
(แม้ว่าการจัดอันดับตามมาตรฐานของนิตยสารฟอร์บนั้น จะไม่รวมเอาประมุขของ
รัฐเอาไว้ด้วย ฟอร์บได้จัดทำบัญชีประมาณการทรัพย์สินของประมุขแต่ละประเทศไว้ต่างหาก 
เมื่อนำรายชื่อจากการจัดอันดับทั้งสองแบบมารวมกันแล้ว พบว่าเกตส์เป็นบุคคลที่มั่งคั่งที่สุดในโลก)
 
ข้อมูลอ้างอิง : http://th.wikipedia.org/
 
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
” Bill Gate เรียนไม่จบ จริง แต่คนจบปริญญาเป็นหมื่นเป็นลูกจ้างเขา เริ่มเขียนโปรแกรมตอนอายุ 13 
และเมื่อเขียน MS Windows ได้ขณะข้ามพรมแดนจาก canada จนท ศุลกากรถามว่า มีทรัพย์สินเท่าไร 
Gate ที่ถือแผ่นดิส 5 นิ้ว 720 kb มาเป็นปึกก็บอกว่า นี่มีค่า 50 ล้านเหรียญ จนท คิดว่าคุยกะคนเพี้ยนเลย
ปล่อยไปโดยไม่คิดตังค์แม้แต่แดงเดียว เมื่อร่วมงานกะ paul allen จนตั้ง microsoft ~เซ็นเซอร์~ส่วนหุ้นคือ
60 / 40 = gates / allen แต่ allen ไม่ชอบนั่งบริหาร ชอบคอมพ์มากเลยขายหุ้นที่ตนทีอยู่ทั้งหมด
และให้เกตบริหารแทน (ผมอ่าน The Road Ahead กะ Business @ speed of thought by Bill Gates )ไปแล้ว a
สักวันจะมีคนไทยคนนึงเป็นแบบเขาให้ได้ “

 

เคส (CASE) คืออะไร

เคส (Case) คืออะไร

 



เคส (Case) คืออะไร

 

Case หรือ “เคส” คือ ตัวถังหรือตัวกล่องคอมพิวเตอร์ หลายคนจะเรียกว่าซีพียูเนื่องจากเข้าใจผิด สำหรับเคสนั้นใช้สำหรับบรรจุอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์หลักของคอมพิวเตอร์เอาไว้ข้างใน เช่น CPU  เมนบอร์ด การ์ดจอฮาร์ดดิสก์ พัดลมระบายความร้อน และที่ขาดไม่ได้ก็คือ Power Supply ซึ่งจะมีติดอยู่ในเคสเรียบร้อย เคสคอมพิวเตอร์ควรเลือกที่รูปทรงสูงๆ เพื่อจะได้ติดตั้งอุปกรณ์ได้ง่าย และควรเลือกเคสที่มีช่องสำหรับติดตั้งฮาร์ดดิสก์ ซีดีรอมไดรฟ์ เผื่อเอาไว้หลายๆ ช่อง ในกรณีที่ต้องการติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมในภายหลังจะได้ง่ายขึ้น

รูปแบบของ Case


1.Case แนวนอน

2.Case แนวตั้ง


รูปร่างของ เคส(Case) จะแตกต่างกันไปตามแต่การออกแบบของผู้ผลิต ส่วนวัสดุที่ใช้ทำเคสนั้น มีทั้งโลหะ พลาสติก อะลูมิเนียม อะคลีลิก และก็วัสดุผสม

คุณประโยชน์ Microsoft Office Enterprise 2007

คุณประโยชน์ 10 อันดับแรกของ Microsoft Office Enterprise 2007

Office Enterprise 2007 เป็นชุดเครื่องมือที่สมบูรณ์แบบที่สุดของ Microsoft สำหรับคนที่ต้องร่วมมือกับบุคคลอื่น และทำงานกับข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดและมีสถานะเครือข่ายเป็นอย่างไร Office Enterprise 2007 สร้างขึ้นจากจุดเด่นของ Microsoft Office Professional Plus 2007 โดยเพิ่ม Microsoft Office Groove 2007 และ Microsoft Office OneNote 2007 เพื่อให้ผู้ใช้สามารถร่วมมือ และสร้าง จัดการ ตลอดจนใช้ข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถสร้างผลงานได้ดีขึ้นและรวดเร็วขึ้น ต่อไปนี้เป็น 10 วิธีที่ Office Enterprise 2007 จะช่วยให้คุณและองค์กรของคุณสร้างผลลัพธ์ได้เร็วขึ้นและดีขึ้น

เหตุผลที่ 1

ทำงานร่วมกับผู้อื่นแบบไดนามิก และใช้ข้อมูลร่วมกันได้จากทุกแห่ง

เนื่องจาก OFFICE GROOVE 2007 เป็นซอฟต์แวร์ของระบบเดสก์ท็อป คุณสามารถใช้ข้อมูลร่วมกันและทำงานกับบุคคลอื่นภายในและข้ามองค์กรได้จากทุกแห่ง แม้ว่าจะไม่ได้เชื่อมต่อกับเครือข่ายขององค์กรก็ตาม

   
เหตุผลที่ 2

ใช้ข้อมูลร่วมกับสมาชิกในทีมได้แบบเรียลไทม์

สามาชิกในทีมสามารถปรับปรุงแฟ้มและการอภิปรายของทีม ซึ่งใช้ร่วมกันในพื้นที่ทำงาน Office Groove 2007 ได้พร้อมกัน นอกจากนี้ Office OneNote 2007 ช่วยให้ผู้ใช้ที่อยู่ในตำแหน่งต่างกันสามารถทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ โดยมีช่วงเวลาการใช้ร่วมกันแบบสด ซึ่งผู้ใช้หลายคนสามารถดูและแก้ไขบันทึก งาน การค้นคว้า การระดมสมองหน้าเดียวกันในขณะเดียวกันได้

   
เหตุผลที่ 3

เพิ่มคุณค่าและการเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดได้สูงสุด

คุณสามารถใช้ Office OneNote 2007 เพื่อรวบรวมข้อมูลที่มีความแตกต่างกัน รวมถึงบันทึกที่เขียนด้วยลายมือ การบันทึกเสียงและวิดีโอ เอกสารที่จัดรูปแบบ และภาพนิ่งไว้ในที่เดียวกัน เมื่อบันทึกไปยัง Microsoft Office SharePoint Server 2007 เนื้อหาที่ก่อนหน้านี้ไม่มีการจัดโครงสร้างจะสามารถใช้ได้เป็นส่วนหนึ่งของระเบียนโครงการอย่างเป็นทางการ คุณสามารถเข้าถึงเนื้อหาโดยใช้ความสามารถในการค้นหาขั้นสูงใน Office OneNote 2007 และ Office SharePoint Server 2007 เพื่อหลีกเลี่ยงการทำงานซ้ำซ้อน

   
เหตุผลที่ 4

ทำงานร่วมกันเพื่อแลกเปลี่ยนและเก็บข้อมูลอย่างง่ายดาย

เมื่อใช้งานร่วมกัน Office Groove 2007, Office OneNote 2007 และ Office SharePoint Server 2007 มีระบบที่ครอบคลุมที่จะช่วยให้ทีมงานสามารถจัดระเบียบ แบ่งปัน เข้าถึง จัดการ และเก็บข้อมูล Office Groove 2007 และ Office OneNote 2007 มีเครื่องมือด้านความร่วมมือของทีมที่มีคุณลักษณะเพียบพร้อมสำหรับการทำงานแบบไดนามิก และ Office SharePoint Server 2007 จะมีเครื่องมือการเก็บข้อมูลระยะยาวและเครื่องมือในการเข้าถึงสำหรับเวิร์กโฟลว์ พร้อมด้วยเอกสารและระเบียนโครงการอื่นๆ

   
เหตุผลที่ 5

ทำข้อมูลให้ตรงกันกับสมาชิกของทีมโดยอัตโนมัติ

คุณไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดข้อมูลจากพื้นที่ทำงานของ Office Groove 2007 หรือสมุดบันทึก Office OneNote 2007 ก่อนที่จะเข้าสู่สถานะออฟไลน์ หรืออัปโหลดการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เมื่อเชื่อมต่ออีกครั้ง การทำงานแบบออฟไลน์จะได้รับการทำข้อมูลให้ตรงกันระหว่างสมาชิกของทีมโดยอัตโนมัติ เมื่อมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต คุณสามารถเข้าถึงและทำงานกับข้อมูลโครงการที่มีความเกี่ยวข้องมากที่สุดได้ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะออนไลน์หรือออฟไลน์

   
เหตุผลที่ 6

ใช้ข้อมูลล่าสุดเสมอด้วยการแจ้งเตือนการเปลี่ยนแปลงของโครงการ

ใน Office Groove 2007 คุณสามารถติดตามการทำงานของสมาชิกในทีม และการเปลี่ยนแปลงเอกสาร ทำให้คุณสามารถทราบข้อมูลเกี่ยวกับโครงการที่เป็นข้อมูลล่าสุดได้ดียิ่งขึ้น การแจ้งเตือนด้วยเสียงและข้อความจะช่วยให้คุณทราบถึงการเปลี่ยนแปลงที่ระบุไว้ ทำให้คุณไม่ต้องคอยตรวจดูการปรับปรุงอีก

   
เหตุผลที่ 7

ปรับปรุงประสิทธิภาพของการเก็บและแบนด์วิดธ์ของอีเมล

Office Groove 2007 และ Office OneNote 2007 ช่วยลดความต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลอีเมลได้ด้วยการย้ายกิจกรรมด้านควมร่วมมือให้ออกจากการใช้อีเมล ทำให้ลดความจำเป็นในการส่งเอกสารทางอีเมล และช่วยให้บัญชีผู้ใช้อีเมลของคุณมีขนาดที่ไม่เกินจากความจุในการเก็บข้อมูล นอกจากนี้ Office Groove 2007 ยังจัดการการทำข้อมูลให้ตรงกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะมีการส่งเฉพาะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับแฟ้ม ลดการใช้แบนด์วิดธ์และเพิ่มความรวดเร็วในการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับสมาชิกในทีม

   
เหตุผลที่ 8

เพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลที่ใช้ร่วมกัน

เมื่อคุณใช้ Office Groove 2007 คุณจะได้รับการรักษาความปลอดภัยขั้นสูง ด้วยการเข้ารหัสอย่างแน่นหนา แม้แต่ในแล็ปท็อปที่ตัดการเชื่อมต่อและระหว่างการทำข้อมูลให้ตรงกันในเครือข่ายที่ใช้สายและเครือข่ายไร้สาย ความปลอดภัยนี้จะช่วยให้คุณสามารถควบคุมทรัพย์สินทางปัญญาได้เป็นอย่างดี

   
เหตุผลที่ 9

ทำงานกับซอฟต์แวร์อื่นๆ ในระบบ Microsoft Office

Office Enterprise 2007 ผสานรวมกับซอฟต์แวร์อื่นๆ ของระบบ Microsoft Office รวมถึง Office SharePoint Server 2007, Microsoft Office Communicator 2007 และ Microsoft Office InfoPath 2007 การทำงานร่วมกันนี้ช่วยให้คุณทำงานในโปรแกรมเหล่านี้ได้อย่างราบรื่น ตัวอย่างเช่น ทีมงานสามารถใช้ Office Communicator 2007 และ Office OneNote 2007 ร่วมกันเพื่อเพิ่มวิดีโอและเนื้อหา ตลอดจนความสามารถในการส่งข้อความทันทีไปยังช่วงเวลาการใช้ร่วมกันแบบสดใน Office OneNote 2007 เนื้อหาที่สร้างใน Office Groove 2007 และ Office OneNote 2007 ยังสามารถเก็บไว้เป็นระเบียนของโครงการในระยะยาวใน Office SharePoint Server 2007 ได้อีกด้วย

   
เหตุผลที่ 10

ลดการพึ่งพาฝ่ายไอที ด้วยความสามารถในการบริการด้วยตนเอง

หลังจากการติดตั้งเริ่มต้นภายในองค์กร Office Groove 2007 สามารถช่วยให้คุณตั้งค่าและเชิญสมาชิกคนอื่นๆ ในทีมเข้าสู่พื้นที่ทำงานของ Groove 2007 ที่มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากฝ่ายไอที ซึ่งหมายความว่าการแลกเปลี่ยนข้อมูลและความร่วมมือแบบไดนามิกจะสามารถเริ่มต้นได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

ชิ้นส่วนในเครื่องคอมพิวเตอร์หลักๆ

 

ชิ้นส่วนในเครื่องคอมพิวเตอร์หลักๆ มีอะไรบ้าง

 
ชิ้นส่วนในเครื่องคอมพิวเตอร์หลักๆ มีอะไรบ้าง
 

1. แหล่งจ่ายไฟ (Power Supply) ทำหน้าที่จ่ายกระแสควบคุมระบบไฟฟ้าให้กับคอมพิวเตอร์

Power Supply

2. ซีพียู (CPU) ทำหน้าที่ประมวลผลและควบคุมการทำงานของอุปกรณ์คอมพิว เตอร์ทั้งหมด

 
 

3. การ์ดแสดงผล (VGA Card) ทำหน้าที่แปลงสัญญาณดิจิตอลเพื่อแสดงผลการทำงานสู่จอภาพ

4. เมนบอร์ด (Mainboard) เป็นแผงวงจรขนาดใหญ่สำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์

5. ไดรว์ CD/DVD เป็นไดรว์ที่ใช้แสงอ่าน/เขียนข้อมูล มีความจุ 650MB (CD) หรือ 4.7/8.5 GB (DVD) พกพาสะดวกและได้รับความนิยม

6. ฟล๊อปปี้ดิสก์ไดรว์ (Floppy Disk Drive) ใช้อ่าน/เขียนแผ่นฟล๊อปปี้ดิสก์ แต่มีความจุต่ำและเสียหายง่าย ปัจจุบันไม่ได้รับความนิยมแล้ว

7. ฮาร์ดดิส (Harddisk) เป็นอุปกรณ์สำหรับติดตั้งระบบปฏิบัติการและจัดเก็บข้อมูล จุดเด่นคือมีความจุและความเร็วสูง

 
เขียนโดย rattiya pompak ที่ 01:56

โมเด็ม

 

Modem (โมเด็ม) คืออะไร

 
Modem (โมเด็ม)
 

โมเด็มมาจากคำว่า MOdulator/DEModulator โดยแยกการทำงานออกเป็น Modulation คือการแปลงสัญญาณดิจิตอล จากเครื่องคอมพิวเตอร์ ต้นทางให้กลายเป็นสัญญาณอะนาลอกแล้วส่งไปตามสายโทรศัพท์ และ Demodulation คือการเปลี่ยนจากสัญญาณอะนาลอก ที่ได้จากสายโทรศัพท์ให้กลับไปเป็นสัญญาณดิจิตอล เพื่อส่งต่อไปยัง เครื่องคอมพิวเตอร์ปลายทาง สัญญาณจากคอมพิวเตอร์เป็นสัญญาณ Digital มีแค่ 0 กับ 1 เท่านั้น เมื่อเปลี่ยนมาเป็นสัญญาณอะนาลอกอยู่ในรูปที่คล้ายกับสัญญาณไฟฟ้าของ โทรศัพท์ จึงส่งไปทางสายโทรศัพท์ได้ สำหรับปัจจุบันนี้ความไวของโมเด็มจะสูงขึ้นที่ 56 Kbps ตอนแรกมีมาตรฐานออกมา 2 อย่างคือ X2 และ K56Flex ออกมาเพื่อแย่งชิงมาตรฐานกัน ทำให้สับสน ในการใช้งาน ต่อมามาตรฐานสากล ได้กำหนดออกมาเป็น V.90 เป็นการยุติความไม่แน่นอน ของการใช้งาน โมเด็มบางตัวสามารถ อัพเดทเป็น V.90 ได้ แต่บางตัวก็ไม่สามารถทำได้ สำหรับโมเด็มปัจจุบันนี้ยังมีความสามารถในการรับส่ง Fax ด้วย ความไวในการส่ง Fax จะอยู่ที่ 14.4 Kb. เท่านั้น
มาตรฐานโมเด็ม V. 22 โมเด็มความเร็ว 1,200 bps V. 22bis โมเด็มความเร็ว 2,400 bps V. 32 โมเด็มความเร็ว 4,800 และ 9,600 bps V. 32bis โมเด็มความเร็วตั้งแต่ 4,800 7,200 9,600 และ 14,400 bps V. 32turbo พัฒนามาจาก V. 32bis อีกทีโดยมีความเร็ว 19,200 bps และสนับสนุนการบีบอัดข้อมูล V. 34 ความเร็ว 28,800 bps V. 34bis เป็นมาตรฐานที่นิยมใช้กันอยู่ช่วงหนึ่ง ความเร็ว 33,600 bps ปัจจุบันก็ยังมีใช้อยู่ V. 42 เกี่ยวกับการทำ Error Correction ในโมเด็ม ช่วยให้โมเด็มเชื่อมต่อเสถียรมากยิ่งขึ้น V. 90 เป็นมาตรฐานที่นิยมใช้กันมากที่สุดในปัจจุบัน ความเร็วอยู่ที่ 56,000 bps V. 44 พัฒนามาจาก V. 42 และพัฒนาการบีบอัดข้อมูลจาก 4:1 เป็น 6:1 V. 92 เพิ่มคุณสมบัติการทำงานกับชุมสายแบบ Call Waiting หรือสายเรียกซ้อน

สามารถแบ่งการใช้งานออกได้เป็น 3 อย่างคือ 1. Internal 2. External 3. PCMCIA
Internal Modem
Internal Modem เป็นโมเด็มที่มีลักษณะเป็นการ์ดเสียบกับสล็อตของเครื่องอาจจะเป็นแบบ ISA หรือPCI ข้อดีก็คือ ไม่เปลืองเนื้อที่ ราคาไม่แพงมากนัก ใช้ไฟเลี้ยงจาก Mainboard ข้อเสียคือ ติดตั้งยากกว่าแบบภายนอก เนื่องจากติดตั้งภายในเครื่องทำให้ใช้ไฟในเครื่องอันส่งผลให้เพิ่มความร้อน ในเครื่อง เคลื่อนย้ายได้ไมสะดวกยาก ใช้ได้เฉพาะเครื่องคอมแบบ PC เท่านั้นไม่สามารถใช้งานกับ NoteBook ได้

Internal Modem

External Modem
External Modem เป็นโมเด็มที่ติดตั้งภายนอกโดยจะต่อกับ Serial Port โดยใช้หัวต่อที่เป็น DB-25 หรือ DB-9 ต่อกับ Com1, Com2 หรือ USB ข้อดีคือ สามารถเคลื่อนย้ายไปใช้กับเครื่องอื่นได้ ติดตั้งได้ง่าย ไม่เพิ่มความร้อนให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ เนื่องจากติดตั้งอยู่ภายนอกและใช้แหล่งจ่ายไฟภายนอก สามารถใช้ งานกับเครื่อง NoteBook ได้เนื่องจากต่อกับ Serial Port หรือ Parallel Port มีไฟแสดง สภาวะการทำงานของโมเด็ม ข้อเสีย มีราคาค่อนข้างสูง เกิดปัญหาจากสายต่อได้ง่าย ในการเลือกใช้จึงต้องดูหลายประการเช่น ความสะดวกในการใช้งาน คอมพิวเตอร์ เป็นรุ่นเก่า ก็ควรใช้แบบ internal และหากมีแต่ Slot ISA ก็ต้องเลือกแบบ ISA Internal หากต้องการเคลื่อนย้ายไปใช้กับ เครื่องอื่นอยู่เรื่อยก็ต้องใช้แบบภายนอก หากให้สะดวกก็ควรเป็น แบบ Internal ครับจะได้ความไวที่ โดยมากจะสูงกว่าแบบภายนอก มีปัจจัยหลายอย่างในการเลือกต้องดูด้วยว่า ISP (Internet Service Provider) ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ที่คุณใช้นั้นรองรับ มาตรฐาน V.90 ข้อเสียของโมเด็มรุ่นใหม่ ๆ ที่มีราคาถูกที่เป็น Internal PCI คือผู้ผลิดเขาจะตัดชิพที่ ทำหน้าที่ ตรวจสอบความผิดพลาด แก้ไขสัญญาณรบกวน (Error Correction) ที่มีมาก ในสายโทรศัพท์ในบางที่ แล้วไปใช้ความสามารถของซีพียูมาทำหน้าที่นี้แทน ทำให้เกิดการใช้ งานซีพียูเพิ่มมากขึ้นทำให้ความเร็วของ เครื่องลดลง หรือสัญญาณโทรศัพท์อาจตัดหรือ เรียกว่าสายหลุดได้ สำหรับคุณสมบัติ ที่ควรมีของโมเด็มคือ DSVD ที่ทำให้โมเด็มสามารถส่งผ่าน ข้อมูล Voice และ Data ได้ในขณะเดียวกันได้โดยความ เร็วไม่ลดลง และดูสิ่งที่ให้มาด้วยเช่น ซอฟท์แวร์ต่าง ๆ รวมทั้งดูว่าสามารถใช้อ่านอื่น ๆ ได้เช่น Fax, Voice, Mail และ Call ID เป็นต้น

External Modem

PCMCIA
เป็น Card ที่ใช้งานเฉพาะ โดยใช้กับ Notebook เป็น Card เสียบเข้าไปในช่องสำหรับเสียบ Card โดยเฉพาะสะดวกในการพกพา ในปัจจุบัน Modem สำหรับ Notebook จะติดมาพร้อมกันอยู่แล้วทำให้ความนิยมในการใช้ Card Modem ชนิดนี้ลดน้อยลง
ปัจจัยที่สำคัญที่มีผลต่อการใช้โมเด็มในการเชื่อมโยงอินเทอร์เน็ต มีดังนี้
1. คุณภาพของสายทองแดง ระยะทางยาว การต่อสาย หรือหัวต่อต่าง ๆ ทำให้มีปัญหาต่อสัญญาณรบกวน 2. ไม่ควรใช้สายพ่วง เพราะการพ่วงสายจะทำให้อิมพีแดนซ์ของสายลดต่ำลง และจะมีปัญหาได้ขณะใช้งานถ้ามีคนยกหูโทรศัพท์เครื่องพ่วงสายจะหลุดทันที 3. ต้องไม่เปิดบริการเสริมใด ๆ สำหรับสายที่ใช้โมเด็ม เช่น เปิดให้มีสายเรียกซ้อน การรับสัญญาณอื่นขณะใช้โมเด็มจะทำให้การเชื่อมโยงหยุดทันที 4. หากชุมสายที่บ้านเชื่อมอยู่ต้องผ่านหลายชุมสาย หรือต้องผ่านระหว่างเครือข่ายของบริษัทบริการโทรศัพท์ 5. คุณภาพของโมเด็มที่ใช้ ปัจจุบันมีโมเด็มที่ผลิตหลากหลาย และมีคุณภาพแตกต่างกัน การแปลงสัญญาณอาจมีข้อแตกต่าง

 

เคส คืออะไร

 

 

เคส (Case) คืออะไร

 

เคส (Case) คืออะไร

 

Case หรือ “เคส” คือ ตัวถังหรือตัวกล่องคอมพิวเตอร์ หลายคนจะเรียกว่าซีพียูเนื่องจากเข้าใจผิด สำหรับเคสนั้นใช้สำหรับบรรจุอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์หลักของคอมพิวเตอร์เอาไว้ข้างใน เช่น CPU  เมนบอร์ด การ์ดจอ ฮาร์ดดิสก์ พัดลมระบายความร้อน และที่ขาดไม่ได้ก็คือ Power Supply ซึ่งจะมีติดอยู่ในเคสเรียบร้อย เคสคอมพิวเตอร์ควรเลือกที่รูปทรงสูงๆ เพื่อจะได้ติดตั้งอุปกรณ์ได้ง่าย และควรเลือกเคสที่มีช่องสำหรับติดตั้งฮาร์ดดิสก์ ซีดีรอมไดรฟ์ เผื่อเอาไว้หลายๆ ช่อง ในกรณีที่ต้องการติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมในภายหลังจะได้ง่ายขึ้น
รูปแบบของ Case 1.Case แนวนอน

2.Case แนวตั้ง


รูปร่างของ เคส(Case) จะแตกต่างกันไปตามแต่การออกแบบของผู้ผลิต ส่วนวัสดุที่ใช้ทำเคสนั้น มีทั้งโลหะ พลาสติก อะลูมิเนียม อะคลีลิก และก็วัสดุผสม